10 ปีแก้แค้นก็ยังไม่สาย นักลงทุนทองโปรดรอคอยอย่างอดทน…

ในสถานการณ์ความผันผวนของตลาดการลงทุนทองคำ หนึ่งในสาเหตุที่มีผลกระทบมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องของความขัดแย้งระหว่าง อเมริกา และอิหร่าน แต่สาเหตุที่ปะทุขึ้นมามากจากอะไร แล้วความต้องการที่แท้จริงคืออะไร เรามาหาคำตอบกัน

ความบังเอิญไม่มีในโลกนี้ ทุกๆสิ่งล้วนต้องมีที่มาที่ไป แม้จะเป็นเรื่องที่ดูสะเปะสะปะที่สุดแต่ในเรื่องราวเหล่านั้นก็ย่อมต้องมีแผนการซ่อนอยู่…

เพราะฉะนั้น..การที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการสังหารนายพล กัสเซม โซเลมานี ผู้ที่มีอำนาจและอิทธิพลสูงคนหนึ่งของอิหร่าน ในปีที่กำลังจะเกิดการเลือกตั้งประธานาธิบดีของอเมริกา จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน…

คะแนนเสียงและความนิยมของทรัมป์ตก

จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนซึ่งชี้ว่าประชนชนร้อยละ 36 ยอมรับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลดลงจากร้อยละ 42

ขณะเดียวกันระดับการไม่ยอมรับเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 58 จากร้อยละ 52 และมีประชาชนถึงร้อยละ 48 ที่กล่าวว่าไม่ยอมรับอย่างมาก…

ทำให้พอจะเห็นภาพได้ว่าคะแนนเสียงของตัวนายทรัมป์นั้นกำลังลดลงเรื่อยๆ ซึ่งมีที่มาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งการดำเนินนโยบายต่างๆที่ดูจะเป็นการสุดโต่งเกินไป ทั้งการตั้งแง่และโจมตีนานาประเทศก่อให้เกินความขัดแย้ง

ท่ามกลางการคาดเดาว่า ทรัมป์อาจจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2

สิ่งที่จำเป็นต่อทั้งตัว ทรัมป์ และ รีพับลิกัน ในตอนนี้ก็คือการหางบประมาณ และ รีบกอบโกยคะแนนเสียงจากการหาเสียงเพิ่มเข้ามานั่นเอง

แล้วงบประมาณในการหาเสียงจะหาได้จากไหนหล่ะ ?

คำตอบ ก็คือ นำเงินมากจาก Sponsor ที่สับสนุนพรรคริพับลิกัน นั่นเอง
โดยในปัจจุบัน Sponsor หลักของรีพับลิกันก็คือ ซาอุฯ และ อิสราเอล โดยจะต้องมีการกดดันอะไรบางอย่างที่ทำให้ ทรัมป์ จำเป็นต้องเดินหมากในการสังหารนายพล กัสเซม โซเลมานี ซึ่งอาจจะเป็นใบสั่งมาจากมือที่มองไม่เห็นก็เป็นได้ โดยมีการทำข้อแลกเปลี่ยนในบางสิ่งบางอย่าง เช่น เมื่อทรัมป์สังหารนายพล กัสเซม โซเลมานี ให้ ก็เอาเงินก้อนใหญ่ไปเพื่อทำการหาเสียง โดยประเทศที่คิดว่าน่าจับตามองมากที่สุดก็คือ ซาอุฯ เพราะสถานที่ที่นายพล กัสเซม โซเลมานี โดนสังหารนั้นคือประเทศอิรักที่กำลังมีการจัดประชุมโดยซาอุฯอยู่นั่นเอง

แล้วทำไม ซาอุฯ ซึ่งประเทศมหาอำนาจในตะวันออกกลาง จึงจะต้องยืมมือ ทรัมป์ ในการสังหารนายพลผู้นี้ นั่นก็เพราะว่า ในตะวันออกการเป็นดินแดนที่มีความขัดแย้งกันระหว่างดินแดน และ ศาสนากันมาก และในระยะหลังมักจะเป็นทางฝั่ง ซาอุดิอาระเบียที่มักจะเป็นฝ่ายไม่ชนะในสงคราม  จึงมองว่าหากสังหารผู้ที่มีความสามารถของฝ่ายตรงข้ามได้ ก็จะสามารถสร้างโอกาสในการเพิ่มชัยชนะได้มากขึ้นนั่นเอง

แล้วทำไมการตกลงในครั้งนี้จึงเกิดขึ้น ?

เพราะโดยเนื้อแท้จริงๆ  “ ทรัมป์นั้นไม่ใช่นักการเมือง แต่เค้าคือตัวพ่อแห่งวงการทำธุรกิจ “  เป็นนักลงทุนที่มองว่าอะไรสามารถทำกำไรได้เค้าจะทำ ในเมื่อมีโอกาสที่จะได้เงินก้อนโตมีหรือที่จะปล่อยผ่าน ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า แผนการลอบสังหารครั้งนี้ถูกเตรียมตัวมาอย่างดี พร้อมทั้งไม่ได้มีการนำเรื่องผ่านในสภาคองเกรส ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าถ้าผ่านสภาคองเกรสจะต้องไม่มีการลอบสังหารครั้งนี้เกิดขึ้น !!

แล้วสถานการณ์จะดำเนินต่อไปอย่างไร…

ชาวอิหร่านเป็นคนที่ผู้เขียนมองว่ามีความสามารถและผ่านการศึกษามาอย่างดี คือเป็นคนที่มีความรู้นั่นแหละ จึงเชื่อได้ว่าจะไม่มีการ “แก้แค้น” แบบสุ่มสี่สุ่มห้าโดยใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งแน่นอน

จะมีการวางแผนกันอย่างน้อยก็เป็นเดือนๆ วางแผนกันอย่างรัดกุมและละเอียดที่สุด จะต้องหาวิธีที่รอบคอบที่สุด

เป้าหมายก็คือการทำยังไงก็ได้ให้นายทรัมป์ เสียชื่อเสียง และภาพลักษณ์มากที่สุด

คำถามคือแล้วช่วงไหนจะเป็นช่วงที่เหมาะสมกับการก่อการมากที่สุด คำตอบก็ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นช่วงใกล้เลือกตั้งหน่ะสิ ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะเป็นการสังหารใครสักคนที่มีความสำคัญมากๆ หรือ สร้างสถานการณ์ระดับที่สะเทือนไปทั้งอเมริกาขึ้นมาก็ได้

เพราะฉะนั้นนักลงทุนทองคำที่เดินทางขึ้นดอยเอาไว้ในราคาสูงก็อยากให้อดทนรออย่างใจเย็นถึงเย็นที่สุดนะครับ

เพราะหากจะรอเล่นตามข่าวสงครามที่ในตอนแรกคิดว่าจะเกิดขึ้น อาจจะยังไม่มี Action อะไรออกมาในเร็วๆนี้

แต่ยังมองว่าในระยะยาว หรือ ภาพภายในปีนี้ทองคำก็ยังมีโอกาศที่จะไปถึง 1,600 เหรียญได้

ขอให้นักลงทุนทองคำอดทนรออย่างใจเย็น หรือ อาจจะยอมตัดขาดทุนบางส่วนไปก่อน เพื่อรักษาภาพรวมของพอร์ทเอาไว้ก่อนก็ได้… ขอให้โชคดีทุกคนครับ

ปล.บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวโปรดอ่านและใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ