ตลาดการลงทุนปี 2022 สอนอะไรเราบ้าง ?
============================
อีกไม่นานก็จะหมดปี 2022 แล้ว ความจริงผมอยากเขียนคอนเทนรีวิวการลงทุนปี 2022 ในช่วงสิ้นปี แต่เห็นทีจะรอไม่ไหว เพราะมีประเด็นร้อนเข้ามามากมายเหลือเกิน ด้วยความที่ตัวผมเองลงทุนในหลายตราสาร ต้องติดตามข่าวเยอะ ทำให้พอจะเห็นภาพรวมตลาดการเงินในตอนนี้่วาจะเป็นอย่างไร ถ้าเราพร้อมจะไปดูบทเรียนการลงทุนของผมแล้ว ก็ไปดูกันเลยครับ…
.
ก่อนอื่นเลยขอพูดถึงความเสี่ยงในการลงทุนกันก่อนนะครับ โดยปกติแล้วการลงทุนมีความเสี่ยงที่เราต้องเจอกันหลายอย่าง แต่คนส่วนใหญ่มักโฟกัสแค่ความเสี่ยงของบริษัทที่เราไปลงทุน เค้าจะโกงเราไหม จะล้มละลายหรือเปล่าอะไรแบบนี้ หรือก็คือการที่ก่อนที่นักลงทุนจะเลือกซื้อหุ้นอะไรสักตัวก็ต้องคิดถึงความเสี่ยงที่ผมพูดไปข้างต้น ซึ่งเราก็มีวิธีในการรับมือหรือลดความเสี่ยงแบบนี้ของหุ้นรายตัวที่เราซื้อไว้ได้โดยการกระจายความเสี่ยงไปสู่หุ้นหลายๆตัว เช่นแทนที่เราจะลงทุนในหุ้นน้ำมันบริษัทเดียว เราอาจลงทุนในหุ้นน้ำมันหลายๆ ตัวแทนในกรณีที่เรามองว่าเราอยากลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมัน เป็นต้น
แต่…ในความเป็นจริงแล้วยังมีความเสี่ยงอีกอย่างนึงที่ใหญ่มาก และเรามักจะมองข้ามกันไปคือ Counterparty risk หรือความเสี่ยงด้วยคู่ค้าของเรานั่นเอง ในกรณที่เราเป็นนักลงทุน นักเทรด คู่ค้าของเราก็คือโบรคเกอร์นั่นเอง ซึ่งนอกจากผมจะให้ความสำคัญในการกระจายความเสี่ยงแล้ว ในส่วนของ Counter party risk ผมก็ให้ความสำคัญนะ โดยเลือกจากโบรคเกอร์ที่ค่อนข้างใหญ่ ติดอันดับ Top 3 ของโลกได้ยิ่งดี หรือถ้าเป็นในหุ้นผมก็เลือกเทรดผ่านธนาคารใหญ่ของไทยถึงแม้ค่าธรรมเนียมจะแพงกว่าโบรคเกอร์ต่างประเทศผมก็ยอมจ่ายเพื่อจำกัดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนของผมให้น้อยลงนั่นเอง
.
พอร์ตการลงทุนของผมหลักๆ จะประกอบด้วย ทองคำ คริปโตฯ หุ้นจีน หุ้นอเมริกา เงินสด และ Short น้ำมัน โดยหุ้นจีนหุ้นอเมริกา จะเน้นซื้อผ่านกองทุนที่เลียนแบบ Index หรือก็คือการกระจายความเสี่ยงมาก เช่นลงทุนหุ้นจีนแบบกองที่เลียนแบบดัชนี China A50 เช่นเดียวกันกับหุ้นอเมริกา ส่วนคริปโตฯผมเน้นไปที่ตัวใหญ่ คือ บิตคอยน์ อีเธอร์เรียม และในส่วนของการ Short น้ำมัน ผมมองว่าในระยะยาวน้ำมันน่าจะเป็นขาลง ซึ่งระยะยาวของผมนั้นต้องยาวจริงๆ ระดับ 5 ปีขึ้นไป
ในส่วนของเงินสดและทองคำนั้นผมมองเป็น Cash ตัวสร้างสภาพคล่อง เผื่อมีโอกาสดี ๆ ในการลงทุนมาถึงจะได้ซัดได้ทันที
ซึ่งโดยรวมพอร์ตของผมก็ติดลบตามตลาดโลกปี 2022 ผ่านมรสุมคริปโตฯอย่างหนักหน่วง คือมีช่วงเวลาที่พอร์ตคริปโตฯ เติบโตมากๆ และช่วงนี้ที่ร่วงยับแบบแดงทั้งพอร์ต แต่ก็ได้บทเรียนสำคัญว่าการทำ Asset allocation (การกระจายการลงทุน) เป็นสิ่งที่ทำให้พอร์ตไม่ติดลบหนักจนเกินไป ไม่ถึงขนาดที่นอนไม่หลับ คือพอร์ตไหนกำไรเยอะก็แบ่งขายเอากำไรไปใส่พอร์ตอื่นบ้างอย่างตอนนั้นคริปโตบูมมาก ผมได้แบ่งขายออกมาบางส่วนไปเข้าหุ้นจีนเพราะเป็นช่วงที่หุ้นจีนร่วงหนักจากนโยบายคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยีของจีน ผมเคยคิดว่าวิธีนี้ผิดเพราะตอนที่ขายคริปโตฯ ราคาเหรียญมันก็พุ่งขึ้นต่อ แอบเสียดายเหมือนกัน
แต่สุดท้ายมันก็ร่วงเละ แบบปัจจุบัน พอมามองย้อนไปจากตรงนี้ก็รู้สึกว่าโชคดีแล้วที่แบ่งขายออกมาบ้าง ดังนั้นบทเรียนแรกคือเราอย่างไปยึดติดกับสินทรัพย์ใดมากเกินไป ทุกทรัพย์สินมันมีความเป็นฟองสบู่อยู่ ยิ่งช่วงที่ทุกคนพูดถึงมันมาก ๆ แสดงว่ามันฟองสบู่ก้อนโตเลยแหละ พยายามจับสัญญาณให้ดีจังหวะไหนควรลงทุนอะไรทุกสินทรัพย์ก็มีวัฏจักรของมัน…
.
ต่อไปเรามาดูความผิดพลาดของผมกันบ้าง อย่างที่เขียนไปในช่วงแรกว่าเรื่อง Counterparty risk ว่าเราควรเลือกคู่ค้าที่มีความน่าเชื่อถือซึ่งผมก็ทำแบบนั้น แต่จะเรียกว่าเป็นความชะล่าใจของผมก็ได้ คือผมนำเงินส่วนใหญ่ในพอร์ตคริปโตฯ ไปใส่ไว้ในโบรเกอร์ FTX เจ้าเดียวเลย (FTX เป็นโบรคเกอร์คริปโตฯที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา) เพราะคิดว่าไม่เจ๊งหรอก แต่สถานการณ์ล่าสุด FTX ได้ล้มละลายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในตอนแรกผมไหวตัวทันผมถอนเงินออกมาเกือบหมด แต่ก็ยังเหลืออยู่บ้างเพราะมองว่าอาจจะกลับมาได้อีกครั้ง ก่อนที่ FTX จะมีประกาศห้ามถอนเงินออกมา ผมทำใจแล้วว่าเงินส่วนที่เหลือนั้นคงจะเป็น 0 ไปแล้ว แต่ในใจก็ได้แต่เสียดาย ทำไมตอนนั้นไม่ถอดออกมาให้หมดเลย ชะล่าใจเกินไป เพราะคิดว่าเค้าไม่น่าเจ๊งหรอก
บทเรียนบทนี้ต้องบอกเลยว่าขนาดผมรู้นะครับว่าช่วงเวลาแบบนี้ ช่วงเวลาที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง มันมักตามมาด้วยบริษัทล้มละลายจากความผิดพลาดในการบริหารสภาพคล่อง ไม่เว้นแม้แต่ในวงการคริปโตฯ อย่างในอดีตช่วงปี 2008 ก็มีธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง “เลแมน บราเดอร์ส” ล้มละลาย บอกได้เลยว่าในสภาวะที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ อยู่แบบนี้ ไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าจะไม่เกิดการล้มละลาย เพราะเราไม่มีทางรู้ไส้ในจริง ๆ ของกิจการนั้นว่าเค้าไปก่อหนี้ที่ไหนไว้บ้าง ปีนี้จึงเป็นปีที่สอนอะไรผมได้หลายๆอย่าง
.
โดยรวมตอนนี้เรายังอยู่ในบรรยากาศขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ดังนั้นให้เตรียมตัวได้เลยว่าหลังจากนี้จะมีออกมาอีก ข่าวการล้มละลายของบริษัทใหญ่ ดังนั้นการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงจะได้ต้นทุนที่ถูกมาก แต่ต้องแลกมาด้วยช่วงเวลาที่ติดลบนะ คือต้องมีเงินเย็นในการถือไว้ได้ ส่วนใครไม่อยากเครียดการซื้อทองคำเข้าพอร์ตจะเป็นคำตอบของคุณครับ
