อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด คาด ทองคำตอบโจทย์ หลังบิตคอยน์ร่วง
“ทองคำ” จึงเป็นการลงทุนที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม คือ สภาพคล่องที่สูง, ความเสี่ยงต่ำ
คุณธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด เผยว่า ราคาบิตคอยน์ร่วงจาก 2,000,000 บาท สู่ 1,800,000 บาท ภายในเวลา 1 ชม. จนหลายคนตั้งตัวไม่ทัน ทำให้ระหว่างนี้ “ทองคำ” จึงเป็นการลงทุนที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม คือ สภาพคล่องที่สูง, ความเสี่ยงต่ำ
นายธีรรัฐ กล่าวว่า ภายหลังที่ราคาบิตคอยน์ร่วงลงไปแตะ 1,800,000 บาทนั้น เราได้เห็นการล้างพอร์ตของนักลงทุนรวมกันกว่า 2.37 แสนล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่มหาศาลอย่างมาก นอกจากนี้ยังพบว่าเว็บเทรดคริปโตต่างๆ ก็ประสบปัญหาทั้งการเทรด และการถอนในทันที และต่างก็ได้ออกประกาศว่าในขณะนี้ระบบหลังบ้านกำลังมีปัญหาอยู่ เพื่อไม่ให้นักลงทุนกังวล แต่อย่างไรก็ดีปัญหาต่างๆ ก็ทำให้หลายคนเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดคริปโตมากขึ้นเรื่อยๆ และมองหาสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง หากพูดถึงเทรนด์การลงทุนสำหรับคนที่อยากลดความเสี่ยงลงจากพอร์ตบิตคอยน์ ก็มักจะหันไปสนใจกับทรัพย์สิน ได้แก่ หุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, อสังหาริมทรัพย์ และทองคำ เป็นต้น นั่นหมายความว่าหากต้องการกระจายความเสี่ยงออกจากบิตคอยน์ แต่ยังอยู่ในกลุ่มของการลงทุน ก็ต้องซื้อสินทรัพย์ดังที่กล่าวมาแล้ว
นายธีรรัฐ แนะนำต่อว่า ถ้าเป้าหมายคือแค่ลดความเสี่ยงจากบิตคอยน์ และรอโอกาสที่จะกลับเข้าไปซื้อบิตคอยน์ใหม่ ระหว่างนี้ “ทองคำ” ก็เป็นการลงทุนที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม คือ สภาพคล่องที่สูง, ความเสี่ยงต่ำ และสวนทางกับเงินเฟ้อ เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนน้อยกว่าบิตคอยน์หลายเท่าตัว หากเปรียบเทียบกันแล้วความเสี่ยงระหว่างบิตคอยน์และทองคำ ยกตัวอย่างเช่น หากบิตคอยน์ร่วงลงมาแรงๆ ร่วงลงถึง 30% ถ้าเทียบกันแล้วทองคำอาจจะไม่ลงเลยหรือถ้าลงก็ลงไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ ถึงตอนนั้นก็จะเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ปรับสมดุลพอร์ตโดยการขายทองคำแล้วกลับเข้าซื้อบิตคอยน์ใหม่
นายธีรรัฐ กล่าวทิ้งทายว่าจากประวัติศาสตร์ไม่มีสินทรัพย์ใดมีแต่วิ่งขึ้นอย่างเดียว มันมีจุดพักตัวทั้งสิ้น และหากพูดถึงปัจจัยเสี่ยงของบิตคอยน์ นอกจากที่เราเพิ่งเจอกันไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา ในอนาคตมันจะต้องมีความเสี่ยงอื่นๆ อีกอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงอื่นๆ ที่เรายังไม่เคยเห็น หรือจากสถานการณ์เศรษฐกิจของโลก…..เพราะวิกฤติจะมาตอนที่เราไม่รู้เสมอ หากเรารู้ก่อน มันจะไม่เกิดวิกฤติจริงไหม?