อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ แนวโน้มราคาทอง หลังไบเดนแจกเงินคนอเมริกัน ระยะสั้นทองลง แต่ระยะยาวทองขึ้น
อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด ประเมินสถานการณ์หลังไบเดน แจกเงินคนอเมริกันอัดสภาพคล่องเข้าระบบ คาดระยะสั้นทองลง แต่ระยะยาวทองขึ้น มีโอกาสไปต่อเรื่อยๆ
เมื่อวันที่ 24 มี.ค.64 นายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการบริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวว่า กรณีที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายเยียวยาโควิด-19 มูลค่ารวม 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยจ่ายเงินโดยตรงแก่ชาวอเมริกัน 1,400 ดอลลาร์ต่อคน
ทั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินนโยบายแจกเงินครั้งที่ 2 ในจำนวนมหาศาลใกล้เคียงกับการระบาดโควิด-19 ครั้งแรกที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบสหรัฐฯ ได้อัดฉีดเงินเข้าระบบ
สำหรับการอัดฉีดเงินครั้งนี้มีคำถามว่าจะมีผลอย่างไรกับราคาทองคำ หากย้อนไปในอดีตที่ใกล้เคียงกัน คือ ปี 2020 สหรัฐฯ ได้ใช้เงินงบประมาณ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ เยียวยาชาวอเมริกันจากผลกระทบโควิด-19 โดยจ่ายเงินให้ชาวอเมริกันที่เป็นผู้จ่ายภาษี จำนวน 1,200 ดอลลาร์ต่อคน
ส่วนปี 2008 สหรัฐฯ ได้ใช้เงินงบประมาณ 1.58 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อลดผลกระทบของชาวอเมริกันจากเหตุการณ์วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ หรือวิกฤติซับไพรม์ โดยชาวอเมริกันที่เสียภาษีสามารถขอคืนภาษีได้ 300 ดอลลาร์ต่อคน กรณีมีภาระเลี้ยงดูบุตรสามารถขอคืนภาษีได้ไม่เกิน 600 ดอลลาร์ต่อคน
อย่างไรก็ตาม หากประเมินจากทั้ง 3 เหตุการณ์ที่สหรัฐฯ ใช้วิธีจ่ายเงินให้ชาวอเมริกันโดยตรง อ้างอิงจากฐานผู้เสียภาษี ซึ่งผลของการดำเนินการในทุกครั้ง หลังประธานาธิบดีลงนามในคำสั่งจะพบว่า ราคาทองมักมีการปรับตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะทะยานปรับตัวขึ้น และผลจากมาตรการในระยะยาวจะส่งผลให้ราคาทองมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้
ทั้งนี้ แม้มาตรการดังกล่าวจะสามารถช่วยเยียวยาเศรษฐกิจได้จริง แต่อาจเป็นตัวเร่งเงินเฟ้อคาดการณ์ในอนาคตได้ เพราะทุกวิกฤติย่อมมีวันจบ และเข้าสู่การฟื้นตัวได้ในที่สุด ซึ่งการฟื้นตัวมาพร้อมกับการจับจ่ายใช้สอยในระดับเดิม แต่ที่เพิ่มเติม คือ เงินที่อัดฉีดเข้าไปในระบบยังคงอยู่ ผลก็จะทำให้เงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเร็วกว่าปกติ ส่งผลต่อราคาทองมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน
“การอัดฉีดเงินเยียวยาของไบเดนรอบนี้ จะคล้ายๆ กับการอัดฉีดเงินในอดีตที่ผ่านมา คือ ราคาทองปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นแนวโน้มขาขึ้น อีกประเด็นที่สำคัญคือ ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2008 และ 2020 มีความคล้ายคลึงกัน คืออยู่ในช่วงวิกฤติรอการฟื้นฟู ซึ่งมาตรการที่ออกมามักเป็นมุมมองที่บวกต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จึงทำให้ผลของนโยบายดังกล่าวในระยะสั้นกดราคาทองให้ต่ำลง แต่ท้ายที่สุด ทิศทางของทองคำในระยะยาวยังคงเป็นบวก และปรับตัวขึ้นต่ออีกครั้งหลังจากข่าวได้ถูกซึมซับไปแล้ว ดังนั้นราคาทองหลังจากการลงนามบังคับใช้กฎหมายของไบเดน มีโอกาสที่ราคาทองคำจะเริ่มปรับตัวขึ้น”