สิ้นปีผ่านไปไวเหมือนโกหก
วันนี้แอดมินจึงอยากนำความทรงจำเหตุการณ์ต่างๆที่ส่งผลถึงทองคำมาให้นักลงทุนได้อ่านกัน ว่า ตลอดปี 2560 เกิดเหตุการณ์อะไรบ้างที่ส่งถึงทอง เพื่อเป็นฐานข้อมูลใช้วิเคราะห์ประกอบในปีถัดไปกันนะครับ
เริ่มด้วยเหตุการณ์สำคัญของสหรัฐที่ถือว่าเป็นการหักปากกาเซียนและพลิกกระดานโพลหลายสำนักอย่างเหนือความคาดหมาย กับการเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2017 ซึ่งแอดมินจำได้เลยว่าวันที่เลือกตั้งสหรัฐนั้น ราคาทองเหวี่ยงขึ้นลงหลายร้อยเลย เรียกได้ว่าเป็นวันแจกเงินของคนเล่นทองเลยที่เดียว
หลังจากนั้นคุณป้าเยลเลนของเราก็ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเชิงนโยบายตามคาดการณ์ที่ครั้งละ 0.25% เป็นจำนวน 3 ครั้งในเดือนมีนาคมและมิถุนายน และล่าสุดในเดือนธันวาคม ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยล่าสุดนี้ หลายๆคนมองว่าเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ทองจะลงเหมือนทุกครั้ง แต่กลับไม่เลยการขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุดนี้ทองกลับขึ้นสวนข่าวอย่างไม่น่าเชื่อ จนขาช็อตถึงกับต้องร้องว่าคุณหลอกดาวววววว
ประกาศลดงบดุล โดยเริ่มทยอยลดขนาดงบดุลในเดือนกันยายน โดยเริ่มต้นจากการหยุดซื้อพันธบัตรเพื่อทดแทนพันธบัตรเดิมที่หมดอายุลง (reinvest) ทั้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยค้ำประกัน (Mortgage-Backed Securities: MBS) รวม 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน และทยอยเพิ่มปริมาณการหยุด reinvest จนกระทั่งลดงบดุลทั้งสิ้น 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน
เลือกตั้งประธาน Fed คนใหม่ สำหรับคุณป้าเยลเลนของเราก็กำลังจะหมดวาระลงในเดือนกุมภาปี 2018 ที่จะถึงกันเเล้วก็ถึงวาระการเลือกตั้งหาคนที่จะขึ้นมาเเทน ซึ่งผลออกก็คือ นายเจโรม พาวเวล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เฟดสายพิราบสังกัดพรรครีพับลิกันที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามแนวทางของนางเยลเลน และในขณะเดียวกันนายพาวเวลก็เปิดกว้างสำหรับมาตรการลดกฎระเบียบในภาคการเงินซึ่งคณะทำงานทรัมป์พยายามผลักดันมาโดยตลอด
ด้านอัตราเงินเฟ้อเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เฟดใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจในการขึ้นดอกเบี้ย โดยเฟดตั้งเป้าให้สหรัฐ มีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 2% ซึ่งเป็นระดับที่เฟดคิดว่าเหมาะสมที่สุดที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเกิดการขยายตัว จากข้อมูลพบว่าเงินเฟ้อในปีนี้สูงขึ้นกว่าปีก่อนอย่างชัดเจนเเละก็มาอยู่ในระดับเป้าหมายของเฟดเเล้ว เป้าหมายต่อไปของเฟดคือการควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยจะต้องไม่สูงหรือต่ำจนเกินไปเพราะอาจจะส่งผลต่อการเศรษฐกิจได้
GDP หรือตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของสหรัฐก็มีแนวโน้มขยายตัวขึ้น โดยหากเทียบเป็นไตรมาสต่อไตรมาสเเล้วพบว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนเพราะปีนี้โตมากกว่า 2 เปอเซนต์ทุกไตรมาส นั่นแปลว่าเศรษฐกิจสหรัฐนั้นมีโอกาสขยายตัวขึ้นครับ
Unemployment Rate หรือตัวเลขอัตราการว่างงานซึ่งเป็นตัวเป็นตัวชี้วัดความเเข็งเเกร่งของตลาดเเรงงานสหรัฐ ซึ่งตัวเลขที่ออกมาในปีนี้ก็ตีความได้ว่าตลาดเเรงงานของสหรัฐก็เเข็งเเกร่งขึ้นเช่นกัน
ในปีนี้ ความตรึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี ก็ทำให้ราคาทองนั้นขึ้นอยู่หลายครั้งจากความกังวลของนักลงทุนที่เข้ามาถือทองคำแท่ง จากเหตุการณ์ความไม่สงบของเกาหลีหลีเหนือ ซึ่งหลายๆครั้งส่อเค้าให้เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามขึ้นได้ โดยปีนี้ เกาหลีเหนือ ยิงขีปนาวุธไปทั้งสิ้น 15 ครั้ง
เเละประเด็นที่น่าสนใจของปีก็คือเรื่องนโยบายปฏิรูปภาษีของทรัม โดยการปฏิรูปภาษีครั้งนี้จะเป็นการลดภาษีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งทำให้บริษัทต่างๆของสหรัฐอเมริกามีค่าใช้จ่ายลดลงแต่ก็ต้องเเลกมาด้วยรายรับของรัฐที่ลดลงมหาศาลเช่นกัน ดังนั้นนโยบายนี้ก็ต้องมองยาวๆว่าสุเท้ายจะเป็นผลดีหรือผลเสียต่ออเมริกากันเเน่
Bitcoin ถ้าย้อนกลับไปเมื่อต้นปีเชื่อเลยว่าเเทบจะทุกคนคงไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่า Bitcoin แต่ ณ ตอนนี้น้อยคนนักจะไม่รู้จักมัน ซึ่งเมื่อต้นปีราคาของมันอยู่ที่ประมาณ 900 $ เเต่ปัจจุบันเทรดกันอยู่ที่ประมาณ 13,000 $ ซึ่งก็มีหลายๆคนมโนกันไปว่าสาเหตุที่ทองลงนั้นมาจาก Bitcoin ที่ราคาขึ้นหรือ ทองขึ้นเพราะ Bitcoin ตก เเต่ความจริงนั้น Bitcoin มี market cap เล็กกว่าทองประมาณเกือบๆ 100 เท่าได้ดังนั้น Bitcoin กับทองไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกันครับ เเละระดับปรมาจารย์การลงทุนของโลกเเทบทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันคือฟองสบู่