ในช่วงเดือนที่ผ่านมาประเด็นที่นักลงทุนทุกๆคนควรให้ความสนใจและต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่อง “สงครามการค้า”
สงครามที่ใช้เงินตราเข้าห้ำหั่นกัน สงครามที่ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ แต่ใช้สิ่งที่เรียกว่าภาษีนั่นเอง
แล้วใครได้เปรียบด้านการค้า
ในปี 2016 ทั้งสองประเทศมีมูลค่าการค้าระหว่างกันอยู่ประมาณ 600,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจีนมียอดนำเข้าสินค้าสหรัฐฯอยู่ที่ 1.299 แสนล้านเหรียญ ขณะที่มียอดส่งออกสินค้า
ไปยังสหรัฐอยู่ที่ 5.055 แสนล้านเหรียญ สินค้าบางอย่างอาจต้องส่งไปส่งกลับ เช่น เครื่องบิน เพราะว่าต้องใช้อะไหล่บางชิ้นที่ผลิตจากจีน
แล้วส่งกลับมาประกอบที่สหรัฐ ก่อนที่จะส่งกลับไปขายในจีนอีกรอบ หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือที่มี Supply Chain เกี่ยวข้องเยอะมาก
สาเหตุของสงคราการค้า สหรัฐ-จีน
1.เนื่องจากสหรัฐ ได้ตรวจสอบนโยบายการค้าของจีน โดยทำเนียบขาวระบุว่า พบการปฏิบัติที่ “ไม่เป็นธรรม” หลายประการของจีน
รวมถึงกฎหมายห้ามต่างชาติครอบครองกิจการ นั้นหมายความว่า นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้าไปลงทุนในจีนจะต้องมีคนจีนเป็นหุ้นส่วนร่วมด้วย ซึ่งมีผลกดดันให้หลายบริษัทต่างชาติต้องยอมถ่ายโอนเทคโนโลยีให้ เพื่อให้สินค้านั้นเข้าสู่ตลาดจีนได้
2.สหรัฐหวั่นนโยบาย Made in China 2025 ซึ่งจีนพยายามที่จะพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพสูง และรวมไปถึงสินค้าไฮเทคมากขึ้น
สินค้าบางส่วนที่มีปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็น สินค้ากลุ่มไอที ทั้ง Hardware และ Software และสินค้าชนิดอื่นๆ ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ ปธน. ทรัมป์ ไม่พอใจอย่างมาก
3.สหรัฐต้องการที่จะลดการขาดดุลทางการค้ากับประเทศจีน และรวมไปถึงเรื่องของการว่างงานในสหรัฐ ซึ่งการเพิ่มกำแพงภาษีในมุมมองทรัมป์คือการเพิ่มการจ้างงานในสหรัฐ
สิ่งที่พญาอินทรีจัดการพญามังกร
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ประกาศว่าต้องการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจากจีน1,300 รายการ ซึ่งรวมมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านเหรียญ
ซึ่งสินค้าที่จะโดนขึ้นภาษีนั้นหลักๆจะเป็นประเภท คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิค ซึ่งในปีนึงสหรัฐต้องนำเข้าจากจีน มีมูลค่าสูงถึง 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อพญามังกรสวนกลับ พญาอินทรี
สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนจึงโต้ตอบด้วยการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกาคืนเช่นกัน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 106 รายการคิดเป็นมูล 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน
ซึ่งสินค้าที่จีนขึ้นนั้นส่วนมากจะเป็นสินค้าทางการเกษตร เป็นส่วนมาก เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง ซึ่งการที่จีนขึ้นภาษีการนำเข้าข้าวโพด และ ถั่วเหลืองนั้น ทรัมป์จะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมาทรัมป์ คะแนนเสียงส่วนใหญ่ของ
ทรัมป์ เป็นเกษตรกรที่ปลูก ข้าวโพด และ ถั่วเหลือง นั้นเอง เรียกได้ว่าสี จิ้นผิง ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว
สถาวะสงครามในปัจจุบัน
อ้างอิง การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ USTR และ สื่อสิ่งพิมพ์
ซึ่งผลของสงครามครั้งนี้หากไม่สามารถตกลงกันได้แน่นอนว่าก็ต้องกระทบส่งผลให้ราคาทองคำอาจจะพุ่งขึ้นไปสูงเลยก็เป็นได้ นักลงทุนทั้งหลายก็ควรจะต้องติดตามประเด็นนี้กันให้ดี…
#ซื้อขายทองคำแท่ง #ซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์ #ทองคำ
#อินเตอร์โกลด์ #InterGOLD #ลงทุนทองคำแท่ง
สามารถติดตามบทวิเคราะห์ได้
สนใจลงทุนทองคำแท่งหรือติดต
Website : www.intergold.co.th
Line : @intergold
Facebook : https://www.facebook.com/
Call : 02 – 2233 – 234