fbpx
Card image cap

บาดใจเมื่อบาดแข็ง!!

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2560 เวลา 09.43 น.

ถึงแม้จะย่างเข้าช่วงสิ้นปี ค่าเงินบาทก็ยังคงหลอกหลอนบาดใจ นักลงทุนหลายๆคนอยู่ใช่มั้ยครับ สำหรับผู้ที่ซื้อทองไว้ เชื่อว่าหลายๆคนคงรอที่จะให้ราคาขึ้นเพื่อจะได้นำทองที่ซื้อไว้มาขาย เพื่อได้กำไรนั้นเอง แต่รอแล้วรอเล่า Gold Spots ขึ้นแล้วขึ้นอีก ราคาน่าจะ20,xxx ได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงสักที เป็นอะไรทำไม เกิดอะไรขึ้น ราคาทองต่างประเทศขึ้นเอาขึ้นเอา แต่ราคาทองไทย กลับนิ่งสนิท ซึ่งคำถามในใจตอนนี้หลายคนคงรู้คำตอบแล้วว่า เพราะเงินบาทแข็งนั้นเอง ราคาทองถึงไม่ได้ไปไหน แล้วเงินบาทแข็งมันเกิดจากอะไร ตอนนี้ทำไมบาทถึงแข็ง  เราจะมาย่อสั้นๆผ่านภาพ ให้เพื่อนๆนักลงทุนได้เข้าใจกันครับ

ก่อนที่จะมารู้ถึงเหตุผลที่ทำให้ค่าเงินแข็งค่าหรือ อ่อนค่าเราก็ต้องมารู้ถึงเบสิคของสิ่งที่ทำให้ค่าเงินแต่ละประเทศแข็งค่าก่อนนะครับว่าคือเรื่องอะไร เรื่องนั้นก็คือเรื่อง Fund Flow นั้นเองครับ เราต้องเข้าใจว่าเงินก็เหมือนสินค้าอย่างหนึ่งที่ถ้าคนต้องการซื้อมากมันก็จะมีค่ามาก (แข็งค่า) แต่ถ้าไม่มีคนต้องการมันก็จะเหมือนสินค้าที่ไม่มีคนอยากได้นั่นเองครับ
ก่อนอื่นเราก็ต้องมารู้กันก่อนครับว่าความต้องการสินค้าของเงินนั้นมันมาจากปัจจัยอะไรบ้าง โดยมีปัจจัยหลักๆ ทั้งสิ้น 3 อย่างครับได้แก่

1.Real Sector แปลเป็นไทยง่ายๆ ก็คือ ภาคการผลิตต่างๆนั้นเองยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ถ้าโตโยต้าอยากมาสร้างโรงงานในไทยเค้าก็ต้องแปลงเงินเยนมาเป็นเงินไทยใช่มั้ยครับ นั้นก็ทำให้ความต้องการเงินบาทเพิ่มขึ้น ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นนั้นเอง

2.Stock Market หรือตลาดหุ้น ง่ายๆครับ ถ้าต่างชาติอยากซื้อหุ้นไทยเค้าก็ต้องแปลงเป็นเงินบาทก่อนซื้อหุ้นไทย
3. Bond Market หรือตลาดพันธบัตร  เช่น ECB เห็นว่า Bond ไทยให้ผลตอบแทนดีแถมประเทศมีความมั่นคงทางการเงินสูง ก็ต้องซื้อเงินบาทเพื่อที่จะนำเงินบาทมาลงทุนใน Bond เรา
เริ่มกันที่ Real Sector ก่อนครับ ต้องขอบอกไว้ ณ ที่นี้ถ้าเงินมันไหลเข้าจาก Real Sector เยอะถือว่าประเทศนั้นเป็นประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตดีครับ เพราะได้รับความสนใจที่จะมาลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ทีนี้เรามาดูกันครับว่าเงินบาทไทยมันแข็งค่าเพราะส่วนนี้ใช่รึเปล่า
ผมจะพามาให้ดู GDP(ผลิตภัณมวลรวม) ของไทยเทียบกับ Asean (อาเซียน) เพื่อนบ้านเราก่อนละกันว่า มันจะไหลเข้าจากส่วนนี้ได้มั้ย ซึ่งถ้าดูจากรูปแล้วก็จะพบครับว่าเศรษฐกิจไทย
Growth (เติบโต)น้อยกว่า Asean มา 4 ปีต่อกันแล้วครับ และปีนี้ก็ค่อนข้างแน่นอนว่าจะเป็นปีที่ 5 อย่างแน่นอนครับ ดังนั้นต่างประเทศเค้าก็ไม่ค่อยอยากจะมาลงทุนในไทยหรอกครับ แนวโน้มเติบโตก็น้อย ค่าแรงก็แพง เทคโนโลยีก็งั้นๆ ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของประเทศก็คือ PTT ซึ่งก็เป็นโมเดลธุรกิจ แบบเก่า (มีไรดีบ้างเนี่ย) สรุปง่ายๆ ประเทศเราเนี่ย กลางๆ ไปหมดซะทุกเรื่อง หรือพูดตรงๆก็คือไม่มีอะไรเด่นนั้นเอง
เเต่ก่อนที่เราจะสรุปเนี่ยเรามาดูตัวเลขจริงๆกันดีกว่าครับว่าเงินลงทุนทางตรงจากต่างชาติเป็นเป็นยังไงกัน
จากรูปก็จะเห็นครับว่าเงินลงทุนทางตรงจากต่างชาติ เนี่ยมันไหลเข้าไทยน้อยลงทุกปีๆ สวนทางกลับฝั่งไหลออกที่เพิ่มขึ้นทุกปีคือนอกจาก ต่างประเทศจะยังไม่อยากลงทุนแล้ว ธุรกิจในประเทศก็ไม่ค่อย
อยากลงทุนด้วยเพราะเงินมันไหลออกไปลงทุนต่างประเทศหมด ดังนั้นค่าเงินบาทเนี่ยมันไม่ได้แข็งค่าขึ้นจากส่วนนี้แน่ๆ
ต่อมาเรามาดูกันที่ตลาดหุ้นดีกว่าว่าเอ๊ะ หรือที่ต่างชาติไม่ค่อยลงทุนทางตรงกับไทยเนี่ยเป็นเพราะเค้าเอาเงินมาลงทุนในบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แล้วยังไงหละ!! ต้องใช่แน่ๆ เลย
มาดูต่อกันที่ตลาดหุ้นกัน ปีนี้นับว่าเป็นปีที่ดีของ Set Index เลยเเหละ ขึ้นไปเบรคที่ 1700 ได้ด้วย งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าต่างชาติซื้อขายสุทธิเป็นเท่าไรกัน เรามาดูตัวเลขกันดีกว่าครับ 
ล่าสุดในปีนี้เนี่ย นักลงทุนต่างประเทศขนเงินมาลงทุนในหุ้นประมาณ-15,000 ล้านบาทแหนะสรุปก็คือนอกจากไม่ไหลเข้าเเล้วเนี่ยยังไหลออกอีกต่างหาก
เพราะฉะนั้นที่เงินบาทมันแข็งขนาดนี้เนี่ยมันก็ไม่ใช่ ตลาดหุ้นอีกนั้นแหละ
แต่น แต้นน มาถึงตัวสุดท้าย มันต้องใช่แล้วแหละ !! เงินมันต้องไหลเข้ามาในตลาด Bond(พันธบัตร) แน่ๆ มาดูเฉลยกันครับ โอเคครับคำถามต่อมาคือ ต่างชาติเค้าเห็นอะไรใน Bond ไทย เงินมันถึงได้ไหลเข้ามากขนาดนี้ ก่อนอื่นก็ต้องปูพื้น (อีกแล้ว) คือเราต้องเข้าใจพื้นฐานก่อนครับว่าโดยพื้นฐานคนที่เข้ามาในตลาด Bond
โดยส่วนมากร้อยละ 99 ไม่ใช่ รายย่อยหรอกครับเป็นพวกสถาบันการเงิน หรือ Fund ทั้งนั้นซึ่งการที่เค้าเข้ามาใน Bondส่วนใหญ่เพราะเค้าต้องงการได้อะไรที่ปลอดภัยการันตีผลตอบแทน
ให้เค้าได้แน่นอน ดังนั้นเราก็จะ Assume ได้ว่า Firm ต่างๆ เหล่านั้นเค้าต้องมองว่า Bond ไทยเนี่ยให้ผลตอบแทนที่ดีระดับหนึ่งแน่นอนบวกกับต้องมีความมั่นคงสูงด้วยแหงๆ ทีนี้มันจริงมั้ยเรามาดูกันครับ
เริ่มด้วยปัจจัยเเรกก่อนนั่นก็คือด้านความมั่นคงทางการเงินของเเต่ละประเทศ ซึ่งผมจะใช้ตัวชี้วัดของสิ่งนี้จากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศนั้นเองหละ โอเคครับผมคิดว่าทุกคนคงจะพอนึกถึง 40 ที่ ประเทศเราเกิด Crisis โดยตอนนั้นทุนสำรองระหว่างประเทศเราแทบจะหมดเกลี้ยง แต่ทุกคนรู้มั้ยครับว่าในปัจจุบันเนี่ยประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทุนสำรองระหว่างประทศมากเป็นอันดับที่ 14 ในโลก!! ผ่าม อีกทั้ง Debt/GDP ของเราก็ถือว่าน้อยเมื่อไปเทียบกับประเทศใหญ่ๆ ของโลก บวกกับดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดที่ “เกินดุล”  ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางการเงินของโลกสูงมากๆ

ทีนี้นอกจากปัจจัยด้านความมั่นคงทางการเงินแล้วแน่นอนครับว่าต้องมีปัจจัยด้านผลตอบแทนมาเกี่ยวข้องด้วยที่ทำให้นักลงทุนสนใจอยากมาลงทุน
(ถึง Bond มันจะได้น้อยแต่ไงก็ขอให้มันเยอะในน้อยละกัน) ซึ่งเราก็ดูได้จากอัตราดอกเบี้ยของ Bank ชาติแต่ละแห่งครับว่าที่ไหนให้ผลตอบตอบแทนดี ซึ่งอย่างที่เรารู้กันครับว่า safe Heaven
อย่าง BOJ(ธนาคารกลางญี่ปุ่น) ก็อัตราดอกเบี้ยติดลบ ส่วน ECB(ธนาคารกลางยุโรป) ก็ 0 % ด้าน FED(ธนาคารกลางสหรัฐ) ก็ยังน้อยกว่าพี่ไทยเราอยู่นิดหน่อย เช่นเดียวกับเกาหลีใต้ สิงคโปร์
และไต้หวันก็ยังน้อยกว่าเราเล็กน้อย ซึ่งนั้นทำให้นักลงทุนต่างชาติเห็นโอกาสในการเอาเงินมาพักที่ Bond ประเทศไทยนั้นเองที่มีทั้งเสถียรภาพทางการเงิน และอัตราผลตอบแทนที่ใช้ได้
สุดท้ายนี้มาดูตัวเลขเงินที่ไหลเข้าตลาดBond ของเราในปีนี้นับถึงเเค่เดือนกรกฎาคมก็มีเงินไหลเข้ามาไทยร่วม เเสนกว่าล้านบาทเเล้ว
 ก็ แหม๊!! ทั้งมั่นคงแถมผลตอบแทนก็นับว่าใช้ได้แบบนี้  เงินมันจะไม่ไหลเข้ามาได้ไงล่ะครับ
ซื้อขายทองคำแท่ง#ซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์#ทองคำ
#อินเตอร์โกลด์#InterGOLD#ลงทุนทองคำแท่ง
สามารถติดตามบทวิเคราะห์ได้ที่: https://www.youtube.com/intergoldgoldtrade
 สนใจลงทุนทองคำแท่งหรือติดตามข่าวสารได้ที่
 Website : www.intergold.co.th
 Line : @intergold
 Facebook : https://www.facebook.com/IntergoldPage/
Call : 02 – 2233 – 234


ราคาทอง
22 พฤศจิกายน 2567 | 03:42:56

ประเภท รับซื้อ ขายออก
LBMA
99.99% (Baht)
-

0.00

-

0.00

InterGold
96.5% (Baht)
-

0.00

-

0.00

สมาคมฯ
96.5% (Baht)
-

0.00

-

0.00

Gold Spot
(USD)
-

0.00

-

0.00

ค่าเงินบาท
(USDTHB)
-
-

0.00

ราคาทองคำย้อนหลัง
ความเคลื่อนไหวกองทุนทองคำ
22 พฤศจิกายน 2567 | 03:39:02

SPDR (ton) (USD) HUI (USD)
875.39

3.16

238.60

-0.43