Cash Flow is King
.
.
Number one, cash is king… number two, communicate… number three, buy or bury the competition.
สภาพคล่องคือสิ่งที่สำคัญที่สุด พูดคุยกับคนมีประสบการณ์สำคัญรองลงมา
.
Jack Welch
.
เรามาทำความรู้จักกับ Jack Welch เจ้าของ quote นี้กันซักนิดนึงก่อนนะครับ
.
เวลช์เป็นผู้บริหารสูงสุดของจีอี (GE-General Electric) และนำบริษัทอเมริกันที่เก่าแก่แห่งนี้ ยืนหยัดเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เวลช์ได้รับการยกย่องจากนิตยสารฟอร์จูน (Fortune) ให้เป็น “ผู้บริหารแห่งศตวรรษ — Manager of the Century” (ในช่วง 90–2000)
.
สำหรับโลกของธุรกิจนั้นไม่ใช่เเต่เพียง เเจ๊ก เวลช์เท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับ Cash Flow เพราะที่ผมรู้จักมาเจ้าของธุรกิจส่วนมากก็ให้ความสำคัญกับ Cash Flow เป็นอันดับต้นๆ ทั้งนั้น เเละส่วนมากให้ความสำคัญมากกว่าตัวกำไรสุทธิซะอีก ถึงขนาดมีคำกล่าวที่ว่า
.
บริษัทขาดทุนได้ แต่ขาดเงินสดไม่ได้
.
จะเห็นได้ว่าในโลกของการทำธุรกิจนั้น Cash Flow มาก่อนกำไรสุทธิ แต่ในโลกของฝั่ง Trading นั้นคนส่วนใหญ่จะให้ Nav (Net Asset value) มาก่อน Cash Flow หนำซ้ำยังเข้าใจความหมายของ Cash Flow ผิดซะอีก
.
เพราะงั้นเรามาทำความรู้จักกับ Cash Flow กันก่อนดีกว่าครับ
.
ปล. สำหรับ Cash Flow ณ ทีนี้ผมจะขอนิยามไว้ในวงการของการ Trading & Investing เท่านั้นนะครับ ไม่ขอพูดถึง Cash Flow ในเชิงธุรกิจ
— — — — — — — — — — — — — — — — — — — — —
Cash Flow มันคืออะไรกันเเน่ ???
สำหรับนิยามเเบบง่ายที่สุดของ Cash Flow ก็คือ เงินสดที่เราสามารถสร้างขึ้นมาได้ในช่วงเวลาหนึ่งจากการ Trading หรือ Investing
.
ยกตัวอย่างอย่างง่ายให้เห็นภาพมากขึ้น
1. ซื้อ Condo มาที่หนึ่งมูลค่า 3 ล้านบาท จากนั้นปล่อยเช่ารายเดือนได้เดือนละ 15,000 บาท
>> Cash Flow out 3 million , Cash Flow in 15 k,Frequency Every month
>> Cash Flow in ทุกเดือนก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่าเรากำไร( NAV )เพราะราคาคอนโดอาจจะตกลงมาก็ได้
—————————————————————–
2. ซื้อหุ้น A 3 ล้านบาทได้ปันผลเฉลี่ยปีละ 180,000 บาท
>> Cash Flow out 3 million, Cash Flow in 180 k , Frequency Every Year
>> Cash Flow in ทุกปีแต่ไม่ได้หมายความว่าเรากำไร( NAV )เพราะราคาหุ้นอาจจะตกลงมาก็ได้
โดย 2 ประเภทเเรกผมขอเรียกมันว่าเเป็น Passive Cash Flow ละกันคือเราไม่จำเป็นต้องสร้าง Activity เพิ่มหลังจากซื้อ/ลงทุน เพราะมันสามารถ Generate Cash Flow ของมันออกมาได้เอง ซึ่งส่วนมากคนที่ชอบสไตล์ passive แบบนี้จะมีความเป็น investor ในตัวสูงกว่า
—————————————————————-
3. ซื้อทองมูลค่า 3 ล้านบาทต่อมาราคาขึ้น ขายออกทั้งหมดได้กำไร 180,000 บาท
>> Cash Flow out 3 million, Cash Flow in = 3m +180 k ,Frequency = ???
>> ดูเผินๆเหมือนเเบบนี้ได้ Cash Flow เยอะสุดเเต่ต้องอย่าลืมนะครับว่าเเบบ 1 เเละ เเบบ 2 เรายังคงถือครอง Asset ในมืออยู่
ทีนี้คำถามก็คือ Cash Flow ชนิดที่ 3 นี้ต่างจาก Cash Flow 2 แบบเเรกยังไง
ประเด็นเเรกเลยก็คือเรื่องของการสร้าง Activity จะเห็นได้ว่าในเเบบที่ 3 นั้นเราจำเป็นต้องสร้าง Activity เองไม่สามารถ Hold ไว้เฉยๆเเล้วเกิด Cash Flow ขึ้นมาได้
ประเด็นที่ 2 คือเรื่องของ Frequency หรือความถี่นั้นเอง โจทย์ก็คือเทรดเดอร์ส่วนมากไม่สามารถทำให้การ Trade เกิด Frequency ที่เเน่นอนแบบข้อ 1 หรือ ข้อ 2 นั่นเองเพราะ loop ของ Trader ส่วนมากจะเป็น
Execution >TP > Cash Flow In >Execution >SL > Cash Flow out > วน loop
ซึ่งคนส่วนมากก็จะเข้าใจว่า อ๋อ ในเมื่อถ้าอยากสร้าง Cash Flow ได้แบบต่อเนื่องจากการเทรดก็ต้อง Day Trade หรือ เทรดสั้นๆใช่มั้ย
คำตอบก็คือทั้ง “ใช่เเละไม่ใช่ครับ ”
เพราะการ Day Trade หรือ Trade สั้นโดยส่วนใหญ่นั้นจะใช้ Risk management แบบ Price Stop loss ดังนั้นมันมีโอกาสที่จะเกิดทั้ง Cash Flow in เเละ Cash Flow out ซึ่งถ้าเรามั่นใจมากว่า Skill/System Day Trade หรือ Trade สั้น เราเจ๋งจริงก็ใช่ครับว่าเราจะสามารถสร้าง Cash Flow in + Nav ที่เป็นบวกได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
ปัญหามันอยู่ที่ว่ามันมีน้อยคนนักหนะสิครับที่ทำได้ !!!!
ทีนี้งั้นถ้าโจทย์ที่ต้องสร้างทั้ง Nav เป็นบวกเเละสร้าง Cash Flow in ได้อย่างต่อเนื่องมันยากเกินไปเราลองเปลี่ยนโจทย์ดูเป็นว่า
เราต้องการสร้าง System ที่สร้าง Cash Flow in อย่างสม่ำเสมอก็พอโดยไม่ต้องสนว่า Nav จะต้องเป็นบวกก็ได้แทน
.
.
.
พอเราเปลี่ยนโจทย์ วิธีคิดของเราก็จะเปลี่ยนครับ สำหรับตอนนี้ผมขอทิ้งโจทย์ไว้ตรงนี้ให้ลองไปคิดเล่นๆกันดูก่อนละกันครับ
โอเคครับเรามาสรุปนิยามของ Cash Flow ในการ Trade/Invest ให้มันเป็นหมวดหมู่หน่อยดีกว่าโดยผมจะเเยกเป็น 2 ประเด็นคือ องค์ประกอบของ Cash Flow เเละ ชนิดของ Cash Flow
สำหรับองค์ประกอบของ Cash Flow ในการ Trade/Invest นั้นมี 2 แบบคือ
Cash Flow In, Cash Flow Out >> Cash Flow In ก็คือเงินสดที่ได้รับมา (Realize เเล้ว)Cash Flow Out ก็คือ เงินสดที่เสียออกไป (Realize เเล้วเช่นกัน)
Frequency >> องค์ประกอบสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของ Frequency หรือ ความถี่ในการทำให้เกิด Cash Flow นั้นครับ Cash Flow ที่ดีนั้นจะต้องมี Frequency ที่ค่อนข้างเเม่นยำ (อาจจะไม่ต้องเป้ะๆ แแต่ก็ต้องรอบโดยประมาณอยู่)
สำหรับชนิดของ Cash Flow ในการ Trade/Invest นั้นมี 2 แบบคือ
Passive Cash Flow >> คือ Cash Flow ที่เราไม่จำเป็นต้องสร้าง Activity เพิ่ม (ซื้อๆขายๆ) จาก Asset มันก็สร้าง Cash Flow In ให้เราด้วย Frequency ใด Frequency หนึ่งอยู่เเล้ว
Active Cash Flow >> คือ Cash Flow ที่เกิดจากการที่เราสร้าง Activity ขึ้นมาเองโดยการซื้อๆ ขายๆ นั้นเเหละครับ
ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบนั้นผมไม่ได้จะสื่อว่าอะไรดีกว่ากันเพราะเเต่ละคนก็คงมีความชอบหรือความถนัดที่เเตกต่างกันอยู่เเล้วนะครับเอาเป็นว่าทำด้วยวิธีไหนก็ได้ให้มันสร้าง Cash Flow ขึ้นมาได้เถอะ 5555
โอเคครับเราจบกันไปที่ประเด็นของนิยามของ Cash Flow ทีนี้ Point ต่อไปก็คือ
— — — — — — — — — — — — — — — — — — — — —
Cash Flow นั้นมันสำคัญตรงไหน ?
.
ถ้าพูดในเชิงธุรกิจนั้นก็จะเข้าใจได้ง่ายกว่าครับ ก็คือถ้าบริษัทไม่มีเงินสดนั้นก็จะไม่มีเงินไปจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน + ไม่มีเงินไปจ่าย Operation Cost ต่างๆของบริษัท สุดท้ายต่อให้กำไรยังไงก็อยู่รอดต่อไปไม่ได้
แต่ถ้าพูดถึงในเรื่องการ Trade/Invest นั้น Cash Flow มันสำคัญ ตรงไหนหละ ?
สำหรับคนที่เป็น Full Time Trader / หรือใช้การ Trade เป็นรายได้หลักในการดำรงชีพอันนี้ก็ค่อนข้างเข้าใจง่ายคือ ยังไงก็ต้องทำ Cash Flow ให้ได้เพื่อดำรงชีพ คำถามก็คือคนที่มีรายได้หลักอยู่เเล้วมันยังจำเป็นอยู่มั้ย ?
คำตอบค่อนข้างปลายเปิดครับคือ เเล้วเเต่มุมมองเลย แต่ถ้าคนที่อยากจะ Trade / Invest เป็นรายได้หลักละก็ยังไงก็ต้องทำให้ได้ครับ
ทีนี้ถ้าคนที่ไม่ได้จะยึดเป็นอาชีพหลักอยู่เเล้วอันนี้เเล้วเเต่เลยครับแต่ผมจะบอกข้อดีของการทำ Cash Flow In ให้ได้ต่อเนื่องโดย Nav เราไม่จำเป็นต้องบวกให้ครับ
— — — — — — — — — — — — — — — — — — — — —
ความจริงเเล้วมันมี Theory ของทาง Economic อยู่ครับเเต่ผมขอพูดเป็นภาษาบ้านๆละกัน
.
ลองคิดภาพตามนะครับ สมมติคุณลงทุนในทองคำด้วยเงิน 5 ล้านบาทโดยไม่มีการเติมเงินเพิ่มโดยให้เรามอง 5 ล้านบาทนั้นเป็น Fix Cost เหมือนสร้างโรงงานผลิตเงินในระยะยาวให้กับเราเเล้วจากนั้นเราสามารถสร้างระบบที่สร้าง Cash Flow In ได้อย่างต่อเนื่องได้ทุกสัปดาห์ เฉลี่ยสัปดาห์ละ 8,000 บาทเรื่อยๆ อาจจะมีช่วงที่ Nav เราติดลบบ้างเเต่ถ้าหากเรามองตาม Fact การทำ Cash Flow In ได้ต่อเนื่องมันมีประโยชน์ดังนี้ครับ
1.มันจะช่วยลดต้นทุนค่าโรงงานผลิตเงิน 5 ล้านบาทของเราได้เองละจนวันหนึ่งมันก็จะคืนทุนได้เองในที่สุดโดยจะคืนทุนช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้าง ปริมาณ Cash Flow In กับ Frequency ของระบบ
—————————————————————-
2. สำหรับคนที่ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การคืนทุนการสร้าง Cash Flow In ได้อย่างต่อเนื่องมีประโยชน์อีกอย่างก็คือเราสามารถนำ Cash Flow In นั้นไปเร่งพอร์ทได้ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพคือ เมื่อเราได้ Cash Flow In จากระบบมา 20,000 บาทเราอาจนำ 20,000 นี้ไปใช้ Speculate ใน Product ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเช่น ฺ Crypto , เอาไป Invest แบบหวังโฮมรันในหุ้น , หรือนำมา Reinvest ในระบบของเราเองเพื่อสร้าง Cash Flow ให้ได้เร็วขึ้นอีก
*ประโยชน์อีกข้อนึงก็คือช่วยให้ Mental เราดีขึ้นถ้าเราเอา Cash Flow ใป Speculate เเทนที่จะใช้ทุน เพราะ Mindset เรานั้นจะคิดว่ามันเป็นเเค่ Cash Flow ซึ่งพอ Mental เราดีขึ้นการเทรดของเราก็อาจจะพัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน
——————————————————————
ดังนั้น สำหรับคนที่รู้สึกเทรดเเล้วขาดทุนไม่ประสบความสำเร็จซักทีเราอาจจะลองออกจาก Nav Base มาเป็น Cash Flow Base กันดูก็ได้นะครับมันอาจจะเป็นอีกเเนวทางนึงที่ทำให้เราประสบความสำเร็จก็เป็นได้