ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจถึงพื้นฐานของการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันและทองคำกันก่อน
โดยพื้นฐานแล้วทองคำและน้ำมันนั้นจะถูกซื้อขายกันด้วยเงินสกุลดอลล่าร์เป็นหลัก ดังนั้นสิ่งแรกที่เป็นพื้นฐานในการเชื่อมถึงความสัมพันธ์ระหว่างทองคำและน้ำมันนั่นก็คือ “มูลค่าของดอลล่าร์”
ซึ่งหากจะยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ หากมูลค่าของดอลล่าร์ลดลง (อ่อนค่า) ทองคำและน้ำมันก็จะจะเพิ่มขึ้นนั่นเอง
ถ้าพิจารณากันง่ายๆเพียงแค่นี้เราก็จะพบว่า เอ้ะ งี้ทองคำกับดอลล่าร์มันก็น่าจะเคลื่อนไหวกันไปในทิศทางเดียวกันตลอดนั่นแหละ แต่ปัญหาคือมันก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่เข้ามาส่งผลกระทบอีก
โดยผลกระทบแรกนอกเหนือจากดอลล่าร์นั้นก็คือเรื่อง Demand Supply นั้นเอง
โดยหลักการทั่วไปของทฤษฏีทางเศรษฐศาสตร์นี้ง่ายๆเลยก็คือ ถ้ามีคนอยากซื้อมากราคาก็ต้องสูงขึ้น หรือ ถ้าปริมาณสินค้านั้นมีมาก (หามาได้ง่าย) ราคาก็จะถูกตามไปด้วย
ซึ่งตรงจุดนี้แหละที่เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องจับตามองเพราะ
ทองคำนั้นไม่ได้มีการมาตกลงกันว่า เห้ย เรามาลดกำลังการผลิตกันเถอะทุกคน ราคามันจะได้พุ่งขึ้นไปเล้ยยย แต่ในมุมของน้ำมันนั้นไม่ใช่เช่นนั้น อย่างที่รู้กันว่า น้ำมันนั้นจะมีองค์กรลับที่คอยเข้ามาควบคุมปริมาณการผลิตส่วนใหญ่ของโลกที่เรียกกันว่า OPEC นั้นเอง
เพราะฉะนั้นถ้าปีไหนที่กลุ่มนี้เค้าคุยกันรู้เรื่อง ช่วยกันลดกำลังการผลิตอย่างพร้อมเพรียง ราคาน้ำมันก็จะพุ่งสูงขึ้น แต่ถ้าเค้าคุยกันไม่รู้เรื่องต่างคนต่างอยากผลิตกันเยอะๆ ราคาน้ำมันก็จะร่วงลงนั้นเอง
อีกประเด็นหนึ่งก็คือเรื่องของสภาพอากาศที่ในบางปีหากมีพายุหรือมรสุมที่รุนแรงน้ำมันจะได้รับผลกระทบตรงนี้ที่รุนแรง ซึ่งมันแตกต่างจากทองจ้า
ประเด็นต่อมาคือเรื่องของสินค้าที่จะมาทดแทน
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ หากแฟนเราไปปิ๊งกับคนอื่นเค้า เราเองก็จะเริ่มหมดค่า เพราะเราถูกทดแทนด้วยคนอื่น T.T ตามนั้นละครับ
ดังนั้นถ้ามีอะไรมาทดแทนของเก่าได้ ของเก่านั้นก็จะด้อยค่าลงไป ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้น้ำมันก็เริ่มมีสิ่งมาทดแทนได้บ้าง
ย้ำ!! ว่าแค่ได้บ้างนะครับ เช่น รถยนต์ที่ปัจจุบันก็เริ่มมีรถที่ไม่ใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นนั่นเอง
ส่วนสิ่งที่จะมาทดแทนทองคำได้ในตอนนี้นั้นผมเห็นว่าก็ยังไม่มีอะไรมาทดแทนได้นะครับ
มาถึงประเด็นสุดท้ายกันนั่นก็คือเรื่องของ
ความไม่แน่นอนของโลกนี้นั่นเอง
หรือจะตีความง่ายๆว่าคือวิกฤตของโลกก็ได้ สำหรับวิกฤตของโลกนั้นจะแบ่งเป็น 2 แบบหลักๆนะจ้ะ นั่นก็คือ วิกฤตเศรษฐกิจ กับ วิกฤตทางความมั่นคง
สมมติถ้าเกิดสงครามโลกขึ้นแบบนี้ทั้งทองกับน้ำมันจะต้องขึ้นอย่างแน่นอนเพราะช่วงสงคราม ค่าของเงินจะด้อยลงเพราะเราไม่รู้ฝ่ายไหนจะชนะ คนก็ต้องมาถือทองก่อน
ส่วนน้ำมันก็จะขึ้นเช่นกันเพราะในการทำสงครามต้องมีการใช้ทรัพยากรต่างๆ มากซึ่งน้ำมันเป็นสิ่งสำคัญเพราะเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ให้พลังงาน
แต่ถ้าเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น ทองก็ยังจะขึ้นอยู่เพราะ เงินต้องหาที่พักที่ดูปลอดภัยที่สุดนั้นก็คือทองนั้นเอง
ส่วนน้ำมันนั้นจะโดนผลกระทบในเชิงลบด้วยซ้ำเพราะถ้าเกิดวิกฤตเศรษฐกิจยิ่งเป็นประเทศใหญ่ๆ ด้วยแล้วกำลังการผลิตต้องลดลงแน่นอน ซึ่งก็จะไปวนลูปในเรื่อง demand นั้นเองจ้า
ปิดท้ายด้วยตัวอย่างจริงกันเลยจากรูปเส้นสีเหลืองคือราคาทอง ส่วนสีฟ้าคือ ราคาน้ำมัน
หากพิจารณาด้วยตาจากภาพกว้างๆ ละก็จะพบได้ว่าน้ำมันกับทองคำนั้นก็ดูจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันอยู่แต่ก็มีขนาดของการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน
เช่นบางช่วงขึ้นเหมือนกันแต่ตัวนึงขึ้นแรงมากๆๆๆ ตัวนึงขึ้นนิดเดียวอะไรยังงี้ แต่ถ้าสังเกตุในภาพย่อยละก็ ก็จะมีช่วงที่เคลื่อนไหวแบบไม่เกี่ยวกันเลยก็ได้
ดังนั้นถ้าจะให้สรุปแบบง่ายที่สุดก็คงจะกล่าวได้ว่า ราคาทองกับน้ำมันนั้นในระยะยาวจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันแต่ในขนาดของการเคลื่อนที่ที่แตกต่างกัน
ส่วนในภาพระยะสั้นนั้นจะเป็นแบบสุ่มขึ้นอยู่กับปัจจัยที่มากดดันสินค้าแต่ละชนิดเลยจ้า
สนใจลงทุนทองคำแท่งหรือติดต
Website : www.intergold.co.th
Line : @intergold
Facebook : https://www.facebook.com/
Call : 02 – 2233 – 234
