เราจะใช้อะไร…ทำนายราคาทองคำ
เนื้อหาตอนนี้พูดถึงเรื่อง ทฤษฎีดาว หรือ ( Dow Theory ) ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นโดยนายชาร์ลส์ เอช ดาว (Charles H. Dow) ผู้ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ทฤษฎีดาว ( Dow Theory ) นี้ เชื่อว่านักลงทุนคงจะได้ยินผ่านตามาบ้างไม่มากก็น้อย วันนี้อินเตอร์โกลด์จะมาพูดถึงทฤษฎีนี้เพื่อที่นักลงทุนจะสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการตัดสินใจซื้อ-ขายในตลาดทองคำได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
ทฤษฎีดาว ( Dow Theory ) จริงๆ แล้วมี 6 แนวคิดสำคัญ ซึ่งผมจะขออธิบายเป็นข้อๆไป โดยจะลงลึกในแต่ละข้อเพื่อให้นักลงทุนเข้าใจและสามารถนำทฤษฎีนี้ไปใช้งานได้จริง
1.The Price Discount Everything ราคาได้สะท้อนทุกอย่างไว้หมดแล้ว
ในข้อแรกนี้จะบอกถึงเรื่อง ข่าวสาร ความต้องการซื้อ ความต้องการขาย โดยจะสะท้อนออกมาในรูปแบบราคา แต่…บางครั้งบางคราวราคาก็มักสะท้อนออกมาในรูปของการปรับตัวขึ้นที่มากผิดปกติหรือมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป ซึ่งแสดงว่ามีความต้องการซื้อมากขึ้นหรืออาจมีอะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับสินค้าหรือสินทรัพย์ตัวนั้น เพราะฉะนั้นราคาจะสะท้อนทุกอย่างออกมาแล้วเมื่อใดที่ราคาเกิดการผิดปกติไปทางใดทางหนึ่งเราก็สามารถใช้ราคา ณ เวลานั้นๆเพียงแค่อย่างเดียวเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจซื้อขายได้เช่นกัน
จากรูปเราจะเห็นว่าช่วง2-3ปีที่ผ่านมาเรามักจะเห็นพาดหัวข่าวตามสื่อต่างๆว่า “ทองทะลุ 20,000 บาท” โดยหากเราติดตามราคาทองคำมาตลอดในตอนนั้นเราซื้อขายทองคำกันอยู่ในช่วง 18,000-20,000 มาพักใหญ่ๆ การที่ราคาทองคำทะลุ 20,000 มาได้ อาจเป็นการสะท้อน หรืออาจตั้งข้อสันนิษฐานได้ว่าทองจะเป็นขาขึ้นอีกครั้งหรือไม่? นอกจากการสังเกตุการเคลื่อนไหวของ “ราคา” ตามทฤษฎี DOW แล้ว อีกวิธีที่ง่ายคือ แค่ดาวน์โหลด “แอปพลิเคชัน intergold” เพื่อใช้ดูความเคลื่อนไหวของราคาโดยใช้ฟีเจอร์การแจ้งเตือนราคาก็สามารถทำได้
มาดูวิธีดูกราฟจากทฤษฏี DOW กันดีกว่าครับ
จากภาพข้างต้น เป็นราคาทองคำช่วงปี 2019 เราจะสังเกตได้ว่าในช่วงเวลา 3 เดือน ราคาทองมีการขึ้นและลงเฉลี่ยอยู่ในช่วง 1280-1320 เท่านั้น
แล้วใน กรอบสี่เหลี่ยมสีแดงราคาทองคำใช้เวลาแค่ 3 วัน ขึ้นมา เกินค่าเฉลี่ยของราคาทองตลอด 3 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชี้ว่ามีแรงซื้อมากกว่าปกติ นักลงทุนสามารถหาข้อมูล หาข่าวเพิ่มเติมว่าเกิดอะไรขึ้น หรือจะตัดสินใจเข้าซื้อตามสัญญาณนี้ก่อนก็ได้ ซึ่งเราสามารถใช้สัญญาณจากการกระชากของราคาดังกล่าว คาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคตได้ว่ามีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นไปได้อีก
มาดูอีกสักตัวอย่างครับ
จากกราฟราคาทองด้านบน ราคาวิ่งเฉลี่ยอยู่ในกรอบสีแดงอยู่ในช่วง 1180-1200 ประมาณ 20$ และในกรอบสีเขียวคือราคาใช้เวลาแค่ 1 วันดีดขึ้นมากว่า 50$ ซึ่งวิ่งมากว่าค่าเฉลี่ย 2 เท่า สัญญาณแบบนี้ถือว่ามีแรงซื้อเข้ามาอย่างแน่นอน นักลงทุนสามารถหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจหรือตัดสินใจเข้าซื้อตามได้เลยเพื่อคาดหวังการขึ้นของราคาชุดต่อไปได้
2. Market trend has three phases แนวโน้มหลักแบ่งได้เป็น 3 ช่วง
ราคาสินทรัพย์นั้นๆโดยปกติจะแบ่งช่วงแนวโน้มได้เป็น 3 ช่วง 1. เริ่มจากการสะสม (Accumulation) 2. การไล่เก็บของของนักลงทุนในตลาด (Public participation) และ 3. การปล่อยของหรือกระจายตัว (Distribution) โดยเป็นการจบวัฎจักรและกลับสู่ระยะสะสมเสมอวนเวียนไปแบบนี้เรื่อยๆ
- การสะสม (Accumulation) เมื่อราคาสินทรัพย์ใดๆตกต่ำถึงที่สุด จากการร่วงหรือโดนเทขายติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ในช่วงนี้สินทรัพย์จะไม่คึกคักเพราะหาคนขายยากเนื่องจากราคาลงมาเยอะแล้วไม่ดึงดูด จึงเก็บไว้เป็นการลงทุนในระยะยาว ส่วนคนซื้อก็น้อยเพราะราคามีแต่จะลงเรื่อยๆ ไม่ก็มีแต่ข่าวร้ายในช่วงนั้น ทำให้ราคาเริ่มไม่ลงและไม่ขึ้นเช่นกัน แต่การเป็นเช่นนี้ทำให้มุมมองขาลงเริ่มลดลงจากการอยู่นิ่งกับที่ของราคา จนในที่สุดก็จะมี นักลงทุนฝั่งซื้อก็เริ่มทยอยเก็บของเรื่อยๆ
- การไล่เก็บของของนักลงทุนในตลาด (Public participation) เป็นช่วงหลังจากการผ่านระยะการเก็บสะสม (Accumulation) มาได้สักพักหนึ่ง ราคาเริ่มไม่มีการลงต่อแถมมีแรงซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับข่าวดีต่างๆ เริ่มออกมา ส่งผลให้ราคาปรับตัวขึ้นสูงเรื่อยๆ จนกลายเป็นขาขึ้นในที่สุด
- การปล่อยของหรือกระจายตัว (Distribution) ช่วงที่นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มทยอยขายสินทรัพย์ที่มีอยู่ เนื่องมาจากอาจเห็นว่าราคาได้ขึ้นมากจนถึงเป้าที่ตั้งไว้หรือเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานที่มีอยู่ ทำให้นักลงทุนทั่วไปเริ่มหวั่นไหว และทยอยขายออกมาบางส่วน และหากราคาเริ่มปรับตัวลงเรื่อยๆจริง และไม่มีแรงซื้อเข้าช่วยพยุงราคาไว้ นักลงทุนก็จะคาดว่าราคาน่าจะไปอีกได้ไม่ไกล และจะเริ่มทยอยขายเรื่อยๆจนราคาเป็นขาลงในที่สุด
กรอบสีแดงแสดวให้เห็นว่าเป็นช่วง Distribution ราคาปรับตัวลงต่อเนื่อง มีผู้ซื้อน้อย มีแต่คนเทขาย
กรอบสีเขียว (Accumulation) ราคาเริ่มไม่ปรับตัวลง แรงซื้อเริ่มทยอยเข้ามาเรื่อยๆสร้างฐานราคา
กรอบสีน้ำเงิน (Public participation) ราคาเริ่มซึมซับแรงซื้อและข่าวดีต่างๆของราคาทองคำ จึงเริ่มมีการปรับขึ้นของราคาจาก การเข้ามาซื้อเพิ่มขึ้น
มีวิธีสังเกตุง่ายๆอยู่เช่นกัน คือ หากราคาทองคำจากปกติวันนึงวิ่งอยู่ 20-30$ หรือ 300-400 บาท แล้วจู่ๆราคากระโดดเป็น 700-800 บาทใน 1 วัน อาจสามารถหาได้จากข่าวหรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ตรงจุดนี้แหละที่ราคาทองอาจเริ่มเข้าสู่โหมดไล่ราคาแล้วนักลงทุนสามารถตัดสินใจเสี่ยงเข้าซื้อได้เลย
****ดังนั้นในระหว่างนี้นั่งทับมือไว้ก่อนและค่อยๆ ทยอยเก็บทองกันนะครับ
ก็จบ Part แรกกันแล้วนะครับ หวังนักลงทุนจะได้ความรู้มาประกอบการตัดสินซื้อขายมากขึ้น เดี๋ยวเร็วๆนี้ ทาง intergold จะอัพ Part 2 พร้อมเนื้อหาที่เข้มข้น ที่อ่านง่าย และสามารถนำไปใช้ได้เลย แล้วเจอกันนะครับ
เทรดเดอร์ อินเตอร์โกลด์
#ซื้อขายทองคำแท่ง#ซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์#ทองคำ #ราคาทองคำ
#อินเตอร์โกลด์#InterGOLD#ลงทุนทองคำแท่ง
สามารถติดตามบทวิเคราะห์ได้ที่: https://www.youtube.com/intergoldgoldtrade
สนใจลงทุนทองคำแท่งหรือติดตามข่าวสารได้ที่
Website : www.intergold.co.th
Line : @intergold
Facebook : https://www.facebook.com/IntergoldPage/
Call : 02 – 2233 – 234
หรือสมัครเปิดพอร์ตออนไลน์คลิก : https://bit.ly/3dUqjSz