มีคนถามว่าเราลงทุนในทองคำกัน แล้วในเพชรลงทุนบ้างดีไหม? บทความนี้จะมาชี้ให้เห็นกันไปเลยถึงความแตกต่างระหว่างการลงทุนในเพชรกับทองคำ
“ทอง” พฤติกรรมการซื้อทองคำของคนไทยได้เปลี่ยนไปจากเดิมที่ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อทองคำรูปพรรณ แปรเปลี่ยนเป็นการซื้อทองคำแท่งเพื่อเก็งกำไรจากการแกว่งตัวของราคา อ้างอิงจากข้อมูลของสภาทองคำโลก หรือ World Gold Council พบว่า ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา สัดส่วนการบริโภคทองคำของชาวไทยราว 90% เป็นการบริโภคทองคำในด้านการลงทอทุนประเภททองคำแท่งและเหรียญทอง
“เพชร” ของขวัญสุดพิเศษที่มักจะมอบให้ในโอกาสพิเศษสำหรับคนพิเศษและยังเป็นตัวแทนที่บอกถึงคุณค่าและความตั้งใจระหว่างผู้ให้ที่มีต่อผู้รับ นอกจากคุณสมบัติของเพชรที่ไม่บุบสลายและยิ่งมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อกาลเวลาผ่านไป จึงกลายเป็นเสน่ห์และทางเลือกของของเหล่าเศรษฐีคนดังที่มักจะสะสมเพชรไว้สำหรับสะสมและสำหรับลงทุนอีกด้วย
สภาพคล่อง
ทองคำมีสภาพคล่องที่ดีกว่า เอาง่ายๆ การหาร้านที่รับซื้อเพชรในราคาดีหาได้ยากหรือมีน้อย ไม่เหมือนร้านทองที่มีอยู่ทั่วๆไป
ขนาดการลงทุน
ทองคำสามารถเลือกซื้อขายได้ตั้งแต่ 1 บาท ไปจนถึง 1 kg ส่วนเพชรนั้นหากอยากได้ผลตอบแทนสูง ต้องซื้อเพชรที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 กะรัตขึ้นไป และยังมีเรื่องคุณภาพของเพชร ที่ยิ่งหายาก เงินลงทุนที่ใช้ยิ่งมาก ยิ่งให้ผลตอบแทนที่ดี บางเม็ดอาจให้ผลตอบแทนถึง 10 – 20 % ต่อปี เนื่องจากเพชรยิ่งหายาก คนที่จะซื้อต่อจากเราจะเป็นกลุ่มคนรวย ซึ่งคนกลุ่มนี้หากชอบแล้วสามารถซื้อในราคาแพงๆได้ไม่ยาก
ความรู้ความเชี่ยวชาญ
ทองคำมีร้านขายทองจำนวนมากที่น่าเชื่อถือ และสามารถตรวจสอบได้ง่ายว่าเป็นทองที่มีคุณภาพหรือไม่เพราะทองไม่มีความซับซ้อน แตกต่างกับเพชรที่ต้องใช้ความรู้ ความเชี่ยวชาญกว่ามากในการดูว่าเพชรมีคุณภาพแค่ไหน ซึ่งหลักๆ ที่ใช้พิจจารณากันคือ เกณฑ์ 4Cs คือ Clarity (ความสะอาด), Color (สี), Cutting (การเจียระไน) และ Carat (ขนาด)
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความรู้ความเข้าใจของผู้ลงทุน เพชรอาจต้องใช้ความรู้มากกว่า แต่หากผู้ลงทุนสามารถซื้อเพชรที่มีคุณภาพได้ และเป็นเพชรที่หาได้ยาก ก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าทองคำได้