สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือนเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทำนิวไฮติดต่อกันหลายวัน ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นหุ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 5.20 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,241.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 11.7 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 15.668 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 17.10 ดอลลาร์ หรือ 1.92% ปิดที่ 875.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 3.6 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,002.35 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นทำนิวไฮติดต่อกันหลายวัน
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำเช่นกัน โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.26% สู่ระดับ 94.109 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3% โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดดังกล่าวเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินครั้งนี้