นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.70 บาท/ดอลลาร์ แข็ง
ค่าเล็กน้อยจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.73 บาท/ดอลลาร์ และล่าสุดเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.69 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่องจากเหตุผลหลักคือคนขาดความมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเฉพาะแผน
ปฏิรูปภาษีที่ยังไม่มีความชัดเจน รวมทั้งกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมืองในสหรัฐ ประกอบกับรายงานการประชุมคณะกรรมการ
กำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่ออกมาเมื่อวานนี้ยังมีความกังวลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่อยู่
ในระดับต่ำ ทำให้ในช่วงนี้ไม่มีสัญญาณที่จะเห็นดอลลาร์รีบาวน์ได้แรงๆ
“คนขาดความมั่นใจในเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งยังกังวลเสถียรภาพทางทางการเมืองของโดนัลด์ ทรัมป์ด้วย
เพราะถ้าไม่มีมาตรการภาษีที่เป็นรูปเป็นร่าง ดอลลาร์สหรัฐก็จะยิ่งอ่อนค่า เมื่อวานนี้รายงานประชุม FED ก็ยังมีความกังวลเรื่องเงิน
เฟ้อต่ำ ก็ยิ่งกดดันให้ดอลลาร์อ่อนลงไปอีก” นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.65-32.75 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ
– เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.16 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 112.11 เยน/ดอลลาร์
– ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1821 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1754 ดอลลาร์/ยูโร
– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.745 บาท/ดอลลาร์
– ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าตัวเลขการส่งออกเดือน ต.ค.60 ใกล้เคียงกับที่ ธปท.คาดไว้ในการ
ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุด โดยการขยายตัว 2 หลักในเดือนนี้เป็นไปตามคาดจากผลของฐานต่ำในปี
ก่อน และอุปสงค์ต่างประเทศในหลายสินค้าที่ยังดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ อัตราการขยายตัวน่า
จะชะลอตัวลงบ้าง ส่งผลให้การส่งออกทั้งปีน่าจะโตได้มากกว่าที่เผยแพร่ในรายงานนโยบายการเงินเดือนกันยายน 2560 ที่ 8% แต่
คาดว่าคงโตไม่ถึงเลข 2 หลัก
– สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 พ.ย.) จาก
แรงกดดันของข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ
– ในรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการ
ประชุมเดือนธ.ค.ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม ขณะที่กรรมการเฟดส่วนหนึ่งยังมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ โดย
มองว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย แม้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 17 ปี
– นักลงทุนยังซึมซับรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ของเฟด ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยกรรม
การเฟดยังคงประเมินภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐไว้ที่ระดับเดียวกับการประเมินครั้งก่อน โดยเชื่อว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาค
เอกชนจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตในระยะใกล้นี้ พร้อมระบุว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ได้รับผล
กระทบในระดับหนึ่งจากพายุเฮอร์ริเคน
– นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้อง
ต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต
– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการปรับฐานลงของตลาด
หุ้นสหรัฐ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity
Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 10.50 ดอลลาร์ หรือ 0.82% ปิดที่ระดับ 1,292.20 ดอลลาร์/ออนซ์
– สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการ
พลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าการคาดการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยัง
ได้ปัจจัยหนนุจากข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันจากแคนาดามายังสหรัฐ เนื่องจากเกิดการรั่วไหล โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.
ค. พุ่งขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 58.02 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 75
เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 63.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
– นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกกลุ่มโอเปกที่กรุงเวียนนาในวันที่ 30 พ.ย.นี้
ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน มีรายงานระบุว่า ซาอุดิ
อาระเบียและรัสเซียต่างสนับสนุนให้มีการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนด